วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีการทำบราวนี่



อ้างอิง : brownie








ส่วนผสม

แป้งเอนกประสงค์ 1 ถ้วย
ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย
ผงฟู 2 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
dark chocolate 340 กรัม
น้ำตาลทราย 300 กรัม
เนยจืด 170 กรัม
ไข่ไก่ 4 ฟอง
กาแฟผง 2 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1.ร่อนแป้ง ,ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ เข้าด้วยกัน พักไว้
2.นำ ช็อคโกเลต เนย และน้ำตาลใส่อ่างผสม เอาไปตุ๋น คนจนละลายเข้ากัน พักไว้
3.ระหว่างนี้ก็ ไปเปิดเตาอบไว้ก่อน ที่อุณหภูมิ 180 องศา
4.ผสมไข่ , กาแฟ และวานิลาลงในอ่างผสม ตีให้เข้ากันพอเป็นฟอง
5.นำส่วนผสมไข่ที่ได้ ใส่ลงใน chocolate ที่เตรียมไว้(ข้อ 2.) คนให้เข้ากัน
6.จากนั้นใส่แป้งลงไป คนเข้ากัน
7.เทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข โรยหน้าด้วยอัลมอนสไลด์ นำเข้าอบ 180 องศา นานประมาณ 20 - 25 นาทีครับ หรือจนกว่าเค้กจะสุก




เครดิต : https://sites.google.com/site/sureeratsrp/bra-wni-ni-tanan-3-sutr

สูตรการทำชีสเค้ก แบบไม่อ้วน ค่าา



วิธีการทำชีสเค้ก


อ้างอิง : cooking








สำหรับสาว ๆ ท่านใดที่กำลังลดความอ้วน หรือกำลังควบคุมน้ำหนัก ต่อให้นำชีสเค้กชิ้นโปรดสุดๆ ไปวางตรงหน้าอย่างไรเสียก็ไม่มีทางตักเข้าปากแน่นอน เพราะเจ้าชีสเค้กนี่แหละเป็นตัวดีเลยที่ทำให้น้ำหนักขึ้น จึงจำต้องยอมน้ำลายสอ ลด ละ เลิกไปโดยไม่เต็มใจ แต่ดิฉันไม่อยากเห็นคุณสาวๆ ทรมานอีกต่อไป วันนี้จึงนำสูตรการทำครีมชีสเค้กแบบที่ไม่ส่งผลต่อความอ้วนมากนักมาให้เตรียมไว้รับประทานคู่กับซอสเบอร์รี่ต่างๆ หรือแยม หรือผลไม้ตามชอบใจโดยไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้วค่ะ มาเริ่มวิธีการทำเลยนะค่ะ



ชีสเค้ก (Cheesecake)


สิ่งที่ต้องเตรียม

- ขนมปังกรอบบดพอหยาบ 12 ชิ้น

- ครีมชีสแบบไร้ไขมัน 2 ถ้วยตวง

- ซาวร์ครีม 1 ถ้วยตวง

- น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง

- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา

- ไข่ไก่ 2 ฟอง

- ผิวมะนาว 2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้

2. กรุกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์ลงในพิมพ์ ทาเนยที่พิมพ์บาง ๆ หรือพ่นสเปรย์กันติดลงในพิมพ์ กรุขนมปังกรอบลงพิมพ์ เตรียมไว้

4. ตีผสมครีมชีส ซาวร์ครีม น้ำตาล และกลิ่นวานิลลา ใช้ความเร็วปานกลางจนส่วนผสมเนียน ลดความเร็วลง ค่อย ๆ เติมไข่ไก่ทีละฟอง ตีผสมจนเข้ากัน ปิดเครื่อง ใส่ผิวมะนาวคนผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นนำไปวางลงในถาด เติมน้ำเดือดลงในกระทะประมาณครึ่งหนึ่งของพิมพ์ชีสเค้ก นำเข้าเตาอบประมาณ 30-35 นาที

5. นำออกจากเตาอบ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ใช้มีดแซะออกจากพิมพ์ นำเข้าตู้เย็น ก่อนจะรับประทานตัดเป็นชิ้น แล้วราดด้วยซอส หรือแยมผลไม้ต่าง ๆ ตามชอบใจ แต่งให้สวยงาม พร้อมรับ

ประทาน













เครดิต : http://cooking.kapook.com/view68729.html

โกโก้คัพเค้ก



อ้างอิง: foodtravel





อุปกรณ์


1. ถ้วยคัพเค้ก
2. ตะแกรง
3. ถาดเข้าอบ
4. ชามผสม
5. ตะกร้อตีมือ
6. ถุงบีบครีม
7. หัวบีบเค้ก
8. หัวสำหรับบีบไส้ (หรืออุปกรณ์สอดไส้ขนม)
9. ชามเซรามิค(เข้าไมโครเวฟ)
10. ไม้พาย


ส่วนผสม (เนื้อเค้ก)

1. ผงโกโก้ (ดัทช์) 35 กรัม
2. เนยเค็ม 170 กรัม
3. น้ำตาลไอซิ่ง 150 กรัม
4. ไข่ไก่ 3 ฟอง
5. กลิ่นวนิลา 1 1/2 ช้อนชา
6. แป้งเค้ก 120 กรัม
7. ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม (ไส้โกโก้)

1. ผงโกโก้ (ดัทช์) 200 กรัม
2. ชอคโกแลต 150 กรัม
3. วิปปิ้งครีม 400 มิลลิลิตร

ส่วนผสม (ท็อปปิ้งคัพเค้ก)

1. ผงโกโก้ (ดัทช์) สำหรับโรยหน้าคัพเค้ก 20 กรัม
2. วิปปิ้งครีม 750 มิลลิลิตร
4. ชอคโกแลต 350 กรัม
5. ไวท์ชอคโกแลต 250 กรัม
3. สีผสมอาหาร ตามชอบ
4. เกล็ดน้ำตาลแต่งหน้าเค้ก ตามชอบ

วิธีทำโกโก้คัพเค้ก Cocoa Cupcake

1. อุ่นเตาอบที่ 175 องศาเซลเซียส ไว้ก่อน
2. เตรียมพิมพ์ cupcake ใส่ในถาดที่จะนำเข้าไปอบ
3. เตรียมส่วนผสมของเนื้อเค้ก โดยการตีเนยเค็มจนฟูขาวขึ้น
4. ใส่น้ำตาลไอซิ่ง ตีต่อจนส่วนผสมเข้ากันดีเป็นครีม
5. ค่อยๆใส่ไข่ไก่และกลิ่นวนิลาจนหมด และตีให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
6. ร่อนแป้งเค้ก , ผงโกโก้ , และผงฟูรวมกันให้ชามใหญ่
7. ค่อยๆตักใส่ในส่วนผสมของเนื้อเค้กที่ตีไว้แล้ว ใส่จนมด
8. ตักเนื้อเค้กที่ได้ ลงในถ้วย cupcake
9. นำเข้าเตาอบ 25 นาที หรือเวลามากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของ cupcake ด้วยเช่นกัน
10. เมื่อสุกนำ cupcake มาพักบนตะแกรง
11. วิธีการทำไส้โกโก้ เริ่มจากนำวิปครีมมาเทลงในหม้อต้มจนเดือดและปิดแกสยกลงจากเตา
12. ใส่ชอคโกแลตลงหม้อคนจนละลาย
13. ใส่ผงโกโก้คนต่อจนเข้ากันเนียนไม่เป็นเม็ด
14. นำใส้ที่ได้บีบใส่ในเนื้อคัพเค้ก
15. ตีวิปปิ้งครีมจนฟูมีลักษณะตั้งยอด
16. นำมาแต่งหน้า cupcake
17. เอาเค้กไปพักไว้ในตู้เย็น 15 นาทีเพื่อให้ครีมเช็ตตัว
18. วิธีแต่งหน้าคัพเค้ก ละลายชอคโกแลตในไมโครเวฟ
19. เมื่อละลายดีแล้วใส่ผงโกโก้ผสมให้เข้ากันดี
20. นำ cupcake ที่ครีมเช็ตตัวแล้วมาชุบลงในชอคโกแลต
21. นำมาพักบนตะแกรงจนกว่าชอคโกแลตแข็งเซ็ทตัว
22. แต่งหน้าด้วยไวท์ชอคโกแลตผสมสีต่างๆเป็นเส้นหรือลายต่างๆตามชอบ
23. หรือจะแต่งหน้าด้วยเกล็ดน้ำตาล โดยควรจะแต่งตอนที่ชอคโกแลตยังไม่แห้งดี


เครดิต : http://www.foodtravel.tv/recfoodShow_Detail.aspx?viewId=1746

วิธีการทำลูกชุบ





อ้างอิง : kanom-thai






อุปกรณ์ - เครื่องปั่น กระทะทองเหลือง

วัตถุดิบ
1. ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกนึ่งสุก 150 ก. (แช่น้ำ 1 คืน)


2. สีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนโต๊ะ
3. สีผสมอาหารสีเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
4. สีผสมอาหารสีส้ม 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 130 ก.
6. ผงวุ้น 25 ก.
7. น้ำเปล่า 1 ลิตร
8. กะทิ 250 มล.
9. กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
10. ใบของต้นแก้ว 1/2 ถ้วย


วิธีการทำ
1. นำถั่วนิ่มสุก กะทิ น้ำตาลทราย ปั่นรวมกันจนละเอียด จากนั้นนำไปกวนในกระทะทองเหลืองด้วยไฟอ่อน

จนส่วนผสมเริ่มแห้งพักไว้ให้เย็น

2. ปั้นให้เป็นรูปทรงผลไม้ตามชอบ จากนั้นทาสีให้สวยงาม พักไว้ 10 นาทีเพื่อให้สีแห้ง
3. ผสมผงวุ้น น้ำเปล่า คนให้เข้ากัน พักไว้ 5 นาที ให้ผงวุ้นดูดซึมน้ำให้เต็มที่ เปิดไฟแรงให้น้ำเดือด จากนั้นลดไฟลงอ่อนๆ
4. นำขนมลูกชุบที่ระบายสีแล้วลงชุบในน้ำวุ้นเคลือบให้ทั่วขนม พักไว้ 5 นาที จากนั้นชุบวุ้นใหม่อีกครั้ง (ชุบ 3 รอบ)
5. เมื่อขนมลูกชุบเคลือบวุ้นทั่วดีแล้ว ตกแต่งให้สวยงามด้วยใบของต้นแก้ว เป็นอันเสร็จ













เครดิต : https://sites.google.com/site/tumkanom/page6












การแต่งหน้าเค้ก



อ้างอิง : wordpress







การแต่งหน้าเค้กนั้นถือว่าเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งเลยทีเดียว เพราะการแต่งหน้าเค้กนั้นต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ค้นคว้าหาสิ่งใหม่ๆมาประยุกต์ใช้และตกแต่งหน้าเค้กได้อย่างสวยงาม การที่จะเป็นผู้มีฝือมือ และผู้เชี่ยวชาญทางศิลปะแขนงนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูง เพราะต้องอาศัยเวลา ความรู้และที่สำคัญคือต้องมีใจรักในสิ่งที่ทำอยู่ด้วย ถ้าขาดความรักในสิ่งที่ทำตรงหน้าต่อให้มีความสามารถเพียงใด ผลที่ออกมาย่อมเทียบกับสิ่งที่ทำออกมาด้วยใจไม่ได้เลย มีช่างทำขนมเป็นจำนวนมากที่ทำขนมเค้กได้อร่อย แต่ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการแต่งหน้าเค้ก อาจจะเป็นเพราะขาดความรู้ ประสบการณ์ที่มีส่วนจำเป็นในการแต่งหน้าเค้ก การที่จะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการตกแต่งหน้าเค้กนั้นจำเป็นที่จะต้องมีความรู้พื้นฐานซึ่งจะช่วยให้ผู้ทำประสบความสำเร็จในศิลปะแขนงนี้



ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการแต่งหน้าเค้ก คุณควรจะมีความรู้ในเรื่องการผสมสีบ้าง อาจจะไม่ต้อง เชี่ยวชาญมากนัก แต่พอรู้เรื่องของแม่สีบ้างก็ดี เพราะหน้าเค้กที่สวยงามเกิดจากการผสมสีที่ลงตัว และสมจริง
ควรมีความรู้เกี่ยวกับครีมแต่งหน้าเค้ก การเตรียมพร้อมก่อนตกแต่ง การผสมส่วนผสมที่ถูกต้อง
ความรู้ในการใช้เครื่องมือให้ถูกต้องกับการใช้งานและความต้องการ
ความรู้ในการดูแลรักษาความ สะอาด และการจัดเก็บเพื่อสะดวกในการหยิบออกมาใช้งาน
ควรเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ สรรหาสิ่งแปลกๆใหม่ๆอยู่สม่ำเสมอ
มีความขยัน อดทน หมั่นฝึกฝนเพื่อให้มีความชำนาญและเพื่อความก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
มีใจรักในสิ่งที่ทำ


วัสดุประเภทต่างๆที่ใช้ในการแต่งหน้าเค้ก


หมายถึง วัสดุที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อตกแต่งเค้ก ส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุที่สามารถรับประทานได้ ในปัจจุบันนิยมใช้วัสดุมาตกแต่งหน้าเค้กเพื่อจุดประสงค์ให้เค้กสวยงามและมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น และวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งหน้าเค้กมีหลายประเภทได้แก่ แยม ช็อกโกแลต มาร์ซิแพน และไอซิ่ง


วิธีการแต่งหน้าเค้กโดยใช้วัสดุประเภทต่างๆ


การแต่งหน้าเค้กด้วยแยม การนำแยมมาแต่งหน้าเค้ก อาจทำได้เป็น 2 วิธีคือ


1. นำแยมมาปาดหน้าเค้ก สามารถใช้ได้ทั้งแยมที่มีเนื้อผลไม้ และไม่มีเนื้อผลไม้ การปาดหน้าเค้กด้วยแยม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่นิยมรับประทานเค้กกับครีม วัสดุที่จะใช้ในการแต่งหน้าเค้กด้วยแยมได้แก่- ผลไม้แช่อิ่ม เช่นเชอรี่ ลูกเกด กล้วยตากและผลไม้อื่นๆเป็นต้นหรืออาจใช้ผลไม้สดก็ได้แต่จะไม่สามารถเก็บได้นานเหมือนผลไม้แห้ง- ก่อนที่จะนำแยมมาปาดหน้าเค้ก ควรนำแยมมากรองด้วยกระชอนก่อนเพื่อสะดวกในการปาด


2. การนำแยมมาใช้ทำให้เกิดลวดลายต่างๆ เช่นการวาดการ์ตูน หรือการวาดเป็นรูปต่างๆ การตกแต่งเค้กแบบนี้นิยมที่จะมอบให้กับเด็ก หรือวัยรุ่นมากกว่าวัยอื่นๆ โดยมีขั้นตอนการแต่งหน้าเค้กดังนี้- ตักแยมใส นำมากรองแบ่งใส่ถ้วยผสมสีต่างๆตามชอบ- วาดลวดลายบนหน้าเค้กที่ปาดด้วยครีม- ใช้ครีมเดินเส้นตามลวยลายที่วาดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้แยมแต่ละสีไหลมารวมกัน- เทแยมใส่กรวยกระดาษ นำไปหยอดตามช่องต่างๆที่กำหนด


การแต่งหน้าเค้กด้วยช็อกโกแลต การใช้ช็อกโกแลตสำเร็จรูป ซึ่งมีทั้งช็อกโกแลตสีน้ำตาล ช็อกโกแลตนม ช็อกโกแลตสีดำ (ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำมาราดบนหน้าเค้ก เนื่องจากมีรสขมมากกว่าช็อกโกแลตชนิดอื่น )


1. ช็อกโกแลต สามารถนำมาทำเป็นตัวตุ๊กตา หรือทำเป็นดอกไม้ เพื่อใช้ในการตกแต่งเค้กได้อย่างสวยงาม


2. ช็อกโกแลตครีมสำหรับปาดหน้าเค้ก สามารถเตรียมขึ้นได้จากการนำช็อตโกแลตตุ๋นสำเร็จรูปมาผสมกับครีมเนยสด ที่ใช้สำหรับปาดหน้าเค้กอัตราส่วนแล้วแต่ความต้องการความเข้มข้นของสีว่าต้องการเท่าไรจากนั้นสามารถนำไปปาดหน้าเค้กได้เลย


3. ช็อกโกแลตขูดเป็นแท่ง โดยการนำช็อตโกแลตแท่งที่ยังไม่ได้ตุ๋นมาขูดด้วยมีดให้มีลักษณะเป็นแท่งม้วนกลม คล้ายม้วนบุหรี่ หรือขูดเป็นเกล็ดๆ แล้วนำไปตกแต่งหน้าเค้ก


4. วิธีการราดหน้าเค้กด้วยช็อกโกแลต- ปาดหน้าเค้กด้วยครีมให้เรียบ นำไปแช่ให้เย็นจัด นำมาวางบนตระแกรง- นำช็อกโกแลตที่ตุ๋นแล้วราดด้านบนเค้กในปริมาณที่มากพอ- ในขณะที่ราดหน้าเค้กเขย่าตระแกรงเบาๆ จนช็อกโกแลตไหลทั่วหน้าเค้ก- เมื่อช็อกโกแลตเริ่มอยู่ตัว ใช้สปาตูลาร์แซะดานล่างเค้กให้หลุดออกจากตระแกรง


5. การหล่อช็อกโกแลตเป็นรูปต่างๆ- ใบไม้ เลือกใบไม้ที่มีลายเส้นคมชัดเช่นใบกุหลาบ ใช้พู่กันจุ่มช๊อตโกแลตตุ๋นทาให้ทั่วใบไม้โดยทาด้านที่เป็นลายใบให้ชัดเจน ปล่อยจนช็อกโกแลตแห้งสนิท จึงดึงใบไม้ออกจากช็อกโกแลต แล้วนำไปแต่งหน้าเค้ก- พิมพ์ต่างๆ เตรียมพิมพ์ได้โดยการล้างให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง เทช็อกโกแลตตุ๋นจนเต็มพิมพ์ นำไปแช่ตู้เย็นจนช็อกโกแลตแห้งเริ่มล่อนออกจากพิมพ์ จึงแกะออกจากพิมพ์ นำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้


การแต่งหน้าเค้กด้วยมาร์ซิแพน


“ มาร์ซิแพน “ มีลักษณะคล้ายถั่วกวน แต่สีจะขาวกว่า ทำจากเมล็ดอัลมอนด์ และน้ำตาลผสมกัน สัดส่วนของอัลมอนด์และน้ำตาลจะเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการของผู้ผลิตมาร์ซิแพน บางชนิดมีแอปปริคอต ลูกพีชบดบางส่วนจะเติมไข่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ผลิต


การใช้สี


สีที่ใช้ในการผสมมาร์ซิแพน มีทั้งชนิดน้ำและสีน้ำมัน แต่ที่เหมาะสำหรับผสมมาร์ซิแพนควรเป็นสีน้ำมัน การผสมสีเราอาจแบ่งมาร์ซิแพนออกมาให้เพียงพอกับความต้องการแล้วหยดสีลงไปนวดให้เข้ากัน ถ้าติดมืออาจใช้แป้งข้าวโพดช่วยได้เล็กน้อย การปั้นมาร์ซิแพนแต่ละครั้งควรนวดให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันปั้นแล้วเนียนเรียบสะดวกในการระบายสี ถ้าเนื้อผิวไม่เรียบ สีจะกระจายไปตามผิวที่แต่ง


การแต่งหน้าเค้กด้วยไอซิ่ง


เทคนิคและวิธีการเตรียมไอซิ่ง


1. ร่อนน้ำตาลไอซิ่งที่จะใช้ในตำรับก่อนลงมือผสมตามวิธีการในตำรับ การร่อนเพื่อช่วยแยกน้ำตาลให้แตกตัวเป็นผงละเอียด ช่วยป้องกันการอุดตันที่หัวบีบ2. ไอซิ่ง ที่ผสมเสร็จแล้วควรจะมีความหนืดพอเหมาะที่จะใช้ตกแต่ง คือเมื่อแต่งแล้วลวดลายที่ตกแต่งจะทรงรูปได้คมชัดที่สุด หากยังไม่ได้ที่ให้ปรับเสียใหม่ โดยการเติมน้ำตาลหรือน้ำเพิ่ม


3. การผสมสีแต่ละสีควรผสมครั้งเดียวให้พอใช้ตลอด ในการแต่งเค้กแต่ละชิ้นสีไม่ควรให้เข้มมาก เพราะเมื่อไอซิ่งแห้งแล้วสีจะเข้มขึ้น


4. ครีมที่ยังเหลืออยู่ในชามผสมควรใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆ คลุมปากชามไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้ง


5. การบรรจุครีมลงในกรวยสำหรับแต่ง ให้บรรจุให้เต็มถึงปลายกรวยอย่าให้มีโพรงอากาศแทรกอยู่ภายใน และเมื่อพับปิดปากกรวยแล้ว ควรบีบครีมให้ดันออกจากช่องตรงปลายหัวบีบเล็กน้อย เพื่อเป็นการดันฟองอากาศจากกรวย เมื่อแต่งลวดลาย เส้นจะสม่ำเสมอไม่ขาดเป็นช่วงๆ


เทคนิคและวิธีการเตรียมเค้ก


1. ต้องรอให้เค้กเย็นสนิทโดยวางเค้กบนตระแกรงลวด เพื่อมิให้มีไอระเหยออกมา จนทำให้ไอซิ่งหรือหน้าที่เคลือบอ่อนตัวจนเสียการทรงตัว


2. ปัดผิวหน้าตลอดถึงข้างๆของแปรงปัดเค้ก เพื่อให้ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่หลุดร่วงจากเค้กหลุดออกให้หมด จะได้ไม่หลุดเข้าไปปะปนในส่วนไอซิ่งขณะที่เคลือบ3. ทาไอซิ่งเคลือบชิ้นเค้กให้ทั่วทั้งด้านบนและด้านข้างแต่เพียงเบาๆ รอไว้ 2-3 นาที เพื่อให้ผิวที่เคลือบแห้ง จึงทาชั้นที่ 2 ทับ ชั้นนี้เมื่อทาแล้วต้องปาดด้วยสแปทูลาให้ผิวหน้าเรียบสม่ำเสมอทุกด้านโดยรอบ ไอซิ่งที่ใช้เคลือบชิ้นเค้กควรใช้ไอซิ่งที่อ่อนตัว หรือไม่แตกหลุดในขณะที่ตัดแบ่งเค้ก


4. พักไว้ 30 นาที เพื่อให้ผิวไอซิ่ง ที่ปาดไว้แห้งก่อนที่จะลงมือแต่งลวดลายต่อไป


เทคนิคและวิธีการแต่งหน้าเค้ก


1. ใช้ไม้ปลายแหลมวาดเค้าโครงของลวยลายที่จะแต่งบนเค้กที่ปาดหน้าเรียบร้อยแล้ว


2. บีบลวดลายที่ควรอยู่ด้านล่างก่อน แล้วจึงบีบลวดลายที่ควรอยู่ข้างบน เช่นควรบีบกิ่งก้านก่อนบีบใบไม้และดอกไม้ ผู้แต่งต้องพิจารณาลวดลายที่จะแต่งให้ถี่ถ้วนก่อนการลงมือแต่ง ว่าควรทำลวดลายตรงส่วนใดก่อนและหลัง


3. กรวยบัตเตอร์ตรีมไอซิ่ง เมื่อใช้แต่งต่อเนื่องได้สักระยะหนึ่ง ความร้อนจากมือจะทำให้ครีมอ่อนตัวลง ควรหยุดพักประมาณ 5-6 นาที โดยนำกรวยแช่ในตู้เย็น

เครดิต : http://ks19917ns.wordpress.com/category/ขนมเค้ก/วิธีการแต่งหน้าเค้ก